ฟลูออไรด์ เป็นสารชนิดหนึ่งที่ช่วยปกป้องฟันและลดการผุของฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันสารฟลูออไรด์เป็นส่วนผสมสำคัญของยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก แต่ในเด็กนั้นการรับ ฟลูออไรด์ โดยการเคลือบจะช่วยให้ฟลูออไรด์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก
ฟลูออไรด์คืออะไร
ฟลูออไรด์ คือ สารประกอบของแร่ฟลูออรีน ซึ่งพบได้ในแหล่งน้ำธรรมชาติร่วมทั้งในอาหารบางชนิด อาทิ เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ เป็นต้น สามารถปกป้องฟันจากการผุและช่วยทำให้ฟันแข็งแรงได้ รวมทั้งยังรักษาฟันผุในระยะเริ่มต้นได้อีกด้วย โดยฟลูออไรด์ในปัจจุบันมี 2 รูปแบบคือ ชนิดรับประทานในรูปแบบเม็ดและแบบน้ำ, ชนิดเคลือบผิวฟัน ซึ่งจะมีทั้งในยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก และน้ำยาเคลือบฟลูออไรด์เข้มข้นที่ใช้ในคลินิก
ฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุได้ยังไง
1. ฟลูออไรด์ช่วยให้ฟันแข็งแรงและทนทานต่อการผุได้
2. ช่วยยับยั้งการสูญเสียแร่ธาตุบนผิวเคลือบฟัน
3. ฟลูออไรด์ช่วยยับยั้งการย่อยสลายของจุลินทรีย์ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฟันผุ
ใครบ้างที่ควรเคลือบฟลูออไรด์
การเคลือบฟลูออไรด์เป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้กับฟันซึ่งสามารถทำได้ในเด็กตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปที่เริ่มมีฟันซี่แรกขึ้น แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มเคลือบฟลูออไรด์ตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป เพื่อป้องการกลืนฟลูออไรด์ นอกจากนี้ ผู้อายุหรือผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุเพราะแปรงฟันได้ไม่สะอาดนักก็สามารถเคลือบฟลูออไรด์ได้ รวมทั้งบุคคลทั่วไปด้วย แต่คนปกติที่ไม่มีความเสี่ยงฟันผุอาจไม่จำเป็นต้องเคลือบฟลูออไรด์บ่อยๆ เพราะการได้รับฟลูออไรด์จากยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากก็เพียงพอแล้ว ซึ่งไม่ว่าจะในกรณีไหนการเคลือบฟลูออไรด์ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์เท่านั้น
ฟลูออไรด์มีกี่ชนิด
ในปัจจุบันฟลูออไรด์มีอยู่ 2 ชนิดที่นิยมใช้ดังนี้
1. ฟลูออไรด์เจล เป็นการเคลือบฟลูออไรด์สำหรับเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป ช่วยป้องกันฟันผุให้เด็กได้เป็นอย่างดี โดยมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ดังนี้ เริ่มจากทันตแพทย์จะขัดฟันของเด็กให้สะอาด จากนั้นเลือกขนาดถาดฟลูออไรด์ให้เหมาะกับชุดฟันของเด็ก แล้วใส่ฟลูออไรด์เจลลงในถาดให้เรียบร้อยแล้วครอบลงบนฟันล่างและฟันบน ซึ่งเด็กต้องกัดถาดครอบฟันเอาไว้เป็นเวลา 4 นาที ระหว่างเคลือบฟลูออไรด์เจลอยู่ต้องดูดน้ำลายตลอด เพื่อไม่ให้เด็กกลืนฟลูออไรด์ที่เกินออกมาลงคอไป
2. ฟลูออไรด์วานิช เป็นการเคลือบฟลูออไรด์สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี หรือเด็กที่มีรอยฟันผุในระยะเริ่มต้นหรือที่เรียกว่าจุดสีขาวบนผิวฟัน การทาฟลูออไรด์วานิชลงไปจะช่วยทำให้เกิดผลึกแคลเซียมฟลูออไรด์ที่ผิวฟันซึ่งสามารถหยุดการผุของฟันได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้ เริ่มจากทันตแพทย์ขัดฟันให้สะอาดและเป่าลมให้ฟันแห้ง จากนั้นใช้พูกันทาฟลูออไรด์วานิชลงบนผิวฟัน โดยเฉพาะตรงจุดที่มีจุดขาวและจุดที่เสี่ยงต่อฟันผุ ซึ่งทันตแพทย์จะทาไม่ให้โดนเหงือกเพื่อป้องกันการระคายเคือง
ต้องเคลือบฟลูออไรด์บ่อยแค่ไหน
ความถี่ในการเคลือบฟลูออไรด์ในคนทั่วไปสามารถทำได้ทุกๆ 6 เดือน แต่เด็กที่มีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุสามารถเคลือบฟลูออไรด์ได้มากกว่าปีละ 2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแพทย์ ส่วนผู้ใหญ่ที่มีความเสียงในการเกิดฟันผุสูงสามารถเคลือบฟลูออไรด์ได้ทุกๆ 3 เดือน
คำแนะนำหลังเคลือบฟลูออไรด์
1. ภายหลังจากการเคลือบฟลูออไรด์ ไม่ควรบ้วนปากด้วยน้ำ เป็นเวลา 30 นาที ถ้ามีน้ำลายสามารถบ้วนทิ้งได้ หรือกลืนก็ได้ ไม่มีอันตรายใดๆ
2. ถ้าได้ทำการเคลือบฟลูออไรด์ด้วย ฟลูออไรด์เจล แนะนำให้งดน้ำ และงดอาหารเป็นเวลา 30 นาที
3. กรณีที่เคลือบฟันด้วยฟลูออไรด์วานิช (ในเด็กที่พบว่าผิวฟันมีการผุในระยะแรก)
– งดน้ำและอาหาร 1 ชั่วโมงหลังการเคลือบฟลูออไรด์วานิช
– งดรับประทานอาหารแข็งหรืออาหารที่ต้องเคี้ยวเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง แต่สามารถรับประทานอาหารอ่อนและน้ำได้
– งดการแปรงฟันและงดใช้ไหมขัดฟันในวันที่ทาฟลูออไรด์วานิช ทั้งก่อนนอนและระหว่างวัน เพื่อให้ฟลูออไรด์วานิชได้ทำงานอย่างเต็มที่ โดยสามารถแปรงฟันได้ปกติในวันถัดไป
– หากพบว่ามีคราบสีเหลืองติดที่ฟัน ไม่ต้องแปรงออก โดยคราบสีเหลืองจะหายไปเองใน 2-3 วัน
– หากพบว่ามีการระคายเคือง หรือการแพ้ ให้บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดหลายๆครั้ง แต่หากยังไม่ดีขึ้นให้พาเด็กไปพบทันตแพทย์
นอกจากนี้หลังการเคลือบฟลูออไรด์ควรงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 30 นาทีด้วย เพราะอาจส่งผลต่อการทำงานของฟลูออไรด์ได้
การเคลือบฟลูออไรด์จึงเป็นการป้องกันฟันผุที่ได้ผลเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเด็กที่อายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปจนถึงอายุประมาณ 12 ขวบ ซึ่งหลังจากเคลือบฟลูออไรด์ในเด็กเล็กแล้ว ผู้ปกครองต้องดูแลอย่างเหมาะสมเพื่อให้ฟลูออไรด์ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด เพราะในช่วงฟันน้ำนมเป็นช่วงที่มีโอกาสฟันผุได้ง่าย หากมีการเคลือบฟลูออไรด์อย่างต่อเนื่องๆ เด็กจะมีโอกาสเกิดฟันผุน้อย
นอกจากนี้แล้วผู้ปกครองยังควรแปรงฟันให้บุตรหลานอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และควรพาไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ เพราะถึงแม้ว่าจะยังเป็นฟันน้ำนมอยู่ แต่ผู้ปกครองก็ไม่ควรจะละเลยในเรื่องของความสะอาดเพียงเพราะคิดว่าฟันน้ำนมเดี๋ยวก็หลุดไป ซึ่งความจริงแล้วฟันน้ำนมเป็นฟันที่ต้องใช้งานถึงอายุ 12 หาผุหรือใช้งานไม่ได้ตั้งแต่ยังเล็กเด็กจะไม่มีฟันสำหรับบดเคี้ยวอาหารและอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กได้ ดังนั้นจึงควรพาบุตรหลานไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันและทำการเคลือบฟลูออไรด์ที่ช่วยให้ฟันแข็งแรงด้วย
“ฟันสวย ยิ้มสดใส ใส่ใจคุณภาพ”
คลินิกทันตกรรม คลินิกจัดฟัน สกายเทรน เด็นทัล กรุ๊ป
www.skytraindental.com