ในการแก้ไขปัญหารูปร่างฟัน ฟันบิ่น ฟันห่าง ฟันซ้อนเก ฟันสบลึก การจัดฟันเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในการรักษาและแก้ไขปัญหาเหล่านี้
1.จัดฟันคืออะไร
คือการแก้ไขการเรียงตัวของฟันที่สบกับอย่างผิดปกติ หรือ เรียงตัวไม่เป็นระเบียบ เช่นฟันห่าง ฟันซ้อนเก ฟันไม่สบกัน โดยการรักษาด้วยวิธีการจัดฟันจะช่วยปรับการเรียงตัวของฟันและขากรรไกร ปรับโครงหน้าให้เข้ารูปสมส่วน ปรับบุคลิภาพให้สวยหล่อยิ่งขึ้น ที่สำคัญช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ มีรอยยิ้มที่ฟันเรียงตัวกันสวย
2.สาเหตุของการย้ายเคสจัดฟัน
แต่ละคนมีความจำเป็นในการย้ายเคสที่แตกต่างกัน สาเหตุของการย้ายเคสจัดฟันมีอะไรบ้าง
1.ย้ายถิ่นฐานภูมิลำเนา – เนื่องจากมีความจำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานภูมิลำเนาไปที่อื่น ซึ่งไกลจากคลินิกเดิมที่จัดฟันอยู่ จึงต้องย้ายคลินิกทำฟันโดยที่ยังจัดฟันไม่เสร็จเรียบร้อยดี
2.ใช้เวลาจัดฟันนานเกินไป – คือใช้เวลาในการจัดฟันกับทางคลินิกนานแล้วก็ยังไม่ได้ผลไม่เสร็จเรียบร้อยดี
3.จัดฟันแล้วผลลัพธ์ดูแย่กว่าเดิม – คือจัดฟันแล้วได้ผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจ ฟันไม่เรียงตัวสวย กลับดูแย่กว่าเดิม
4.ไม่ได้รักษากับทันตแพทย์ – ไปจัดฟันแต่ไม่ได้รับการรักษากับทันตแพทย์โดยตรง แต่ได้รับการรักษากับผู้ช่วยทันตแพทย์ ทำให้ไม่มีความมั่นใจในการรักษา
5.มีปัญหากับทางคลินิกที่จัดฟัน – อาจจะมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ หรือ ตัวคุณหมอ หรือด้วยเหตุผลที่ไม่พอใจกับงานบริการที่คลินิก
3.ต้องการย้ายเคสจัดฟันได้หรือไม่
แน่นอน หากมีความจำเป็นต้องย้ายคลินิกจัดฟันก็สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้คนไข้ต้องยอมรับข้อเสียหรือปัญหาบางอย่างที่อาจตามมาจากการย้ายคลินิกจัดฟัน เช่น
3.1 ต้องมีการพิมพ์ปากและเอซเรย์ใหม่ เพื่อประเมินสภาพฟันในปัจจุบันนี้ เนื่องจากโครงสร้างและการสบฟันเปลี่ยนแปลงไป จึงต้องเก็บข้อมูลใหม่เพื่อวางแผนการรักษา
3.2 ต้องรื้อเครื่องมือจัดฟันใหม่ หรือ ปรับเปลี่ยนบางตำแหน่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของทันตแพทย์
3.3 มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงใช้เวลานการจัดฟันนานมากขึ้น
4.การเตรียมตัวสำหรับย้ายคลินิกจัดฟัน
เมื่อตัดสินใจย้ายคลินิกจัดฟันแล้ว จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้ข้อมูลกับทางคลินิกที่ใหม่
4.1 ต้องแจ้งความประสงค์ในการย้ายเคสจัดฟัน
4.2 แบบปูนพิมพ์ฟัน
4.3 ฟิล์มเอกซเรย์ 2 ฟิล์ม
4.4 ใบส่งตัว
4.5 ข้อมูลการรักษาอื่น ๆ ที่จำเป็น
5.ข้อเสีย ปัญหาที่พบได้จากการย้ายคลินิกจัดฟัน
1.ต้องถ่ายรูป ถ่ายเอ็กซเรย์ซ้ำ และพิมพ์ปาก – เนื่องจากการสบฟันมีการเคลื่อนตัวไปมากแล้ว ทำให้ต้องเก็บข้อมูลซ้ำเพื่อมาประเมินการรักษาต่อไป
2.ต้องรื้อเครื่องมือออกทั้งหมด และติดเครื่องมือชุดใหม่ – เนื่องจากการรักษา เทคนิคของทันตแพทย์แต่ละท่านจะไม่เหมือนกัน รวมถึงเครื่องมือชนิดของแบร็คเก็ตที่เลือกใช้แต่ละซี่ ตำแหน่งจะมีลักษณะแตกต่างกัน
3.ถอนฟันเพิ่ม – บางครั้งแผนการรักษาอาจแตกต่างกันไป อาจจะเปลี่ยนจากไม่ถอนฟันเป็นถอนฟัน ต้องถอนฟันเพิ่มเพื่อแก้ไขระบบสบฟันที่เสียไป
4.การรักษาอาจยาวนานขึ้นกว่าเดิม – เมื่อย้ายเคสจัดฟัน อาจไม่เป็นไปตามแผนการรักษาของทันตแพทย์จัดฟันคนใหม่ คือเราจะต้องเริ่มต้นจัดฟันใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่การวางแผนการรักษาใหม่ การพิมพ์ปาก ถ่ายรูป เอกซเรย์ซ้ำ รื้อเครื่องมือออกทั้งหมดเพื่อติดเครื่องมือชุดใหม่กลับเข้าไป ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาการรักษานานขึ้น
5.ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น – เมื่อย้ายเคส คนไข้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น เนื่องจากต้องเปลี่ยนเครื่องมือจัดฟันใหม่แล้วแต่ละคลินิกก็อาจมีค่าใช้จ่ายของเครื่องมือที่แตกต่างกัน