ฟันคุดเกิดจากอะไร ? วิธีป้องกันและรักษาฟันคุด

ฟันคุดคืออะไร?

  • คำจำกัดความของฟันคุด

ฟันคุดคือ ฟันแท้ซี่สุดท้าย (ฟันกรามซี่ที่สาม) ที่ขึ้นไม่พ้นเหงือก หรือ ขึ้นได้เพียงบางส่วน โดย มักจะขึ้นในช่วงอายุ 17-25 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ขากรรไกรมีการเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ในหลายกรณี พื้นที่ในขากรรไกรไม่เพียงพอต่อการขึ้นของฟันซี่นี้ ทำให้ฟันคุดติดอยู่ใต้เหงือก เอียง หรือขึ้นในแนวที่ไม่ถูกต้อง

  • ตำแหน่งที่พบฟันคุดบ่อย

ฟันคุดส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นที่ฟันกรามล่างทั้งสองข้าง เนื่องจากเป็นบริเวณที่ขากรรไกรมีพื้นที่จำกัดมากกว่าฟันกรามบน อย่างไรก็ตาม ฟันคุดก็สามารถเกิดขึ้นที่ฟันกรามบนได้เช่นกัน แต่พบได้น้อยกว่า

ฟันคุดสามารถแบ่งออกได้หลายประเภทตามลักษณะการขึ้นและทิศทางของฟัน ซึ่งมีผลต่อความยากง่ายในการรักษาและการเกิดปัญหาต่าง ๆ ดังนี้

  • ประเภทของฟันคุด (ตามลักษณะการขึ้น)
    • ฟันคุดในแนวดิ่ง Vertical Impaction – ฟันคุดอยู่ในแนวตั้งเหมือนฟันซี่อื่น ๆ แต่ไม่สามารถขึ้นพ้นเหงือกได้ทั้งหมด
    • ฟันคุดในแนวเอียง Mesial Impaction – ฟันคุดเอียงไปทางด้านหน้าของช่องปาก (เอียงเข้าหาฟันกรามซี่ที่สอง) เป็นประเภทที่พบได้บ่อย
    • ฟันคุดในแนวเอียงไปทางด้านหลัง Distal Impaction – ฟันคุดเอียงไปทางด้านหลังของช่องปาก
    • ฟันคุดในแนวนอน Horizontal Impaction – ฟันคุดในแนวนอนโดยอาจจะวางตัวขนานกับแนวเหงือกหรือตั้งฉากกับฟันกรามซี่ที่สอง เป็นประเภทที่มักจะก่อให้เกิดปัญหามากที่สุด
    • ฟันคุดในแนวคว่ำ Inverrted Impaction – ฟันคุดมีส่วนหัวชี้ลงด้านล่าง
    • ฟันคุดขึ้นได้บางส่วน Partial Eruption – ฟันคุดโผล่พันเหงือกมาเพียงเล็กน้อย ทำให้เกิดช่องเปิดที่ยากกต่อการทำความสะอาดและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

สาเหตุของการเกิดฟันคุด

  • พื้นที่ขากรรไกรไม่เพียงพอ – สาเหตุหลักที่พบบ่อยที่สุดคือ ขากรรไกรมีขนาดเล็กเกินไป ทำให้ไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับฟันกรามซี่ที่สามที่จะขึ้นมาในตำแหน่งที่ถูกต้อง เมื่อฟันพยายามจะขึ้น จึงถูกฟันซี่ข้างเคียงหรือกระดูกขากรรไกรขัดขวาง
  • พันธุกรรม – ปัจจัยทางพันธุกรรมอาจมีบทบาทในการกำหนดขนาดของขากรรไกรและขนาดของฟัน หากพ่อแม่มีประวัติฟันคุด ลูกก็มีโอกาสที่จะมีฟันคุดมากขึ้น
  • การเจริญเติบโตของฟัน – ในบางกรณี การเจริญเติบโตของฟันกรามซี่ที่สามอาจไม่เป็นไปตามปกติ เช่น ฟันอาจมีขนาดใหญ่เกินไป หรือขึ้นในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก
  • ปัจจัยอื่นๆ – ปัจจัยอื่นที่อาจส่งผลต่อการเกิดฟันคุด เช่น การได้รับบาดเจ็บที่ขากรรไกรในวัยเด็ก หรือ การมีโรคบางชนิดที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูก

อาการของฟันคุด

  • อาการปวดฟันและเหงือก – เป็นอาการที่พบได้บ่อยโดยอาจปวดบริเวณกรามด้านใน หรือ บริเวณที่ฟันคุดพยายามจะขึ้น อาการปวดอาจเป็นแบบปวดตุบ ๆ ปวดร้าว หรือ ปวดเมื่อสัมผัส
  • เหงือกบวมและอักเสบ – เหงือกบริเวณฟันคุดอาจบวม แดง และอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากฟันคุดขึ้นได้บางส่วน ทำให้เศษอาหารเข้าไปติดและทำความสะอาดยาก
  • ฟันผุและปัญหาฟันอื่นๆ – ฟันคุดที่ขึ้นมาไม่สมบูรณ์ หรือ เอียง อาจทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันทำให้เศษอาหารเข้าไปติดได้ง่ายและยากต่อการทำความสะอาด ส่งผลให้ฟันซี่ข้างเคียงผุ หรือเกิดโรคเหงือกอักเสบได้ นอกจากนี้ฟันคุดที่ดันฟันซี่ข้างเคียงอาจทำให้ฟันซี่นั้นเคลื่อนที่หรือเสียหายได้
  • อาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง – ในบางกรณี ฟันคุดอาจทำให้เกิดอาการอื่น ๆ เช่น
    • กลิ่นปาก – เนื่องจากการสะสมของแบคทีเรียและเศษอาหารบริเวณฟันคุด
    • ปวดศีรษะ – อาการปวดจากฟันคุดอาจร้าวไปยังศีรษะได้
    • ต่อมน้ำเหลืองบวม – ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคออาจบวมโตขึ้น เนื่องจากการอักเสบ
    • การอ้าปากลำบาก – ในกรณีที่มีการอักเสบรุนแรงอาจทำให้ขากรรไกรแข็งและอ้าปากได้ไม่เต็มที่
    • ซีสต์หรือเนื้องอก – แม้จะพบได้น้อยแต่ฟันคุดที่ฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกรเป็นเวลานาน อาจกระตุ้นให้เกิดซีสต์หรือเนื้องอกรอบ ๆ ฟันได้

ผลกระทบของฟันคุด

ฟันคุดคือฟันที่ไม่สามารถขึ้นมาในช่องปากได้ตามปกติ มักเป็นฟันกรามซี่สุดท้าย หรือฟันซี่ที่สาม ที่อยู่ด้านในสุดของปาก เนื่องจากมีพื้นที่ไม่เพียงพอให้ฟันขึ้นมาได้เต็มที่ ฟันคุดที่ฝังอยู่สามารถส่งผลกระทบต่อฟันข้างเคียง เหงือก กระดูก และสุขภาพโดยรวมได้ดังนี้

  •     ผลกระทบต่อฟันข้างเคียง
    • ฟันซ้อนเก – ฟันคุดที่พยายามดันขึ้นมาอาจไปเบียดฟันข้างเคียง ทำให้ฟันซ้อนเก ไม่เป็นระเบียบหรือเคลื่อนทีไ่ด้
    • ฟันผุ – ฟันคุดที่ขึ้นมาเพียงบางส่วน หรือ เอียง อาจทำให้เศษอาหารเข้าไปติดได้ง่าย ทำความสะอาดยากและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุทั้งที่ตัวฟันคุดเองและฟันข้างเคียง
    • การละลายของรากฟันข้างเคียง – แรงดันจากฟันคุดที่พยายามขึ้นมา อาจทำให้รากฟันของฟันข้างเคียงถูกกดทับและละลายได้
  •     ผลกระทบต่อเหงือกและกระดูก
    • เหงือกอักเสบ – (Pericoronitis) – เหงือกที่ปกคลุมฟันคุดที่ขึ้นมาเพียงบางส่วน อาจเกิดการอักเสบ บวม แดง และเจ็บปวดได้ง่าย เศษอาหารและแบคทีเรียสามารถเข้าไปสะสมใต้เหงือก ทำให้เกิดการติดเชื้อได้
    • ถุงน้ำ – (Cyst) – ฟันคุดที่ฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร สามารถกระตุ้นให้เกิดถุงน้ำรอบ ๆ ฟันได้ ถุงน้ำนี้สามารถขยายใหญ่ขึ้น ทำลายกระดูกขากรรไกร ฟันข้างเคียง และเส้นประสาทได้
    • การติดเชื้อ – บริเวณฟันคุดที่ขึ้นไม่เต็มที่ หรือ มีเหงือกอักเสบ อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ ของช่องปากและลำคอได้
    • การทำลายกระดูกขากรรไกร – ในกรณีที่รุนแรง ถุงน้ำหรือการติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับฟันคุด สามารถทำลายกระดูกขากรรไกรได้
  •     ผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม
    • อาการปวดศีรษะและใบหน้า – แรงดันจากฟันคุดอาจทำให้เกิดอาการปวดบริเวณกราม ใบหน้า หรือ ศีรษะได้
    • ปัญหาในการอ้าปาก – การอักเสบและบวมบริเวณฟันคุด อาจทำให้การอ้าปากทำได้ยากลำบาก
    • กลิ่นปาก – การสะสมของเศษอาหารและแบคทีเรียบริเวณฟันคุดที่ทำความสะอาดยาก อาจทำให้เกิดกลิ่นปาก
    • ผลกระทบต่อการจัดฟัน – ในบางกรณี ฟันคุดอาจส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ของการจัดฟัน ทำให้ฟันที่จัดไว้เคลื่อนที่ได้

การวินิจฉัยฟันคุด

การวินิจฉัยฟันคุดมีความสำคัญ เพื่อประเมินตำแหน่ง ทิศทาง และผลกระทบของฟันคุดที่มีต่อช่องปาก ทันตแพทย์จะใช้วิธีการต่างๆ ดังนี้

  • การตรวจช่องปาก – ทันตแพทย์จะทำการตรวจดูช่องปากอย่างละเอียด เพื่อดูว่าฟันคุดขึ้นมาหรือไม่ มีอาการบวมแดงหรือการอักเสบของเหงือกบริเวณฟันกรามซี่สุดท้ายหรือไม่
  • การเอกซเรย์ฟัน – เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการวินิจฉัยฟันคุด โดยจะมีการเอกซเรย์ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
    • Panoramic X-ray – เป็นการเอกซเรย์ภาพรวมของฟันทั้งหมด ขากรรไกร และโครงสร้างโดยรอบ ทำให้เห็นตำแหน่ง ทิศทาง และความสัมพันธ์ของฟันคุดกับฟันข้างเคียงและโครงสร้างอื่น ๆ ได้ชัดเจน
    • Periapical X-ray – เป็นการเอกซเรย์เฉพาะบริเวณฟันซี่นั้น ๆ ให้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับรากฟันและกระดูกรอบ ๆ
    • Cone Beam CT Scan – ในบางกรณีที่ซับซ้อน ทันตแพทย์อาจพิจารณาใช้ CBCT ซึ่งเป็นการเอกซเรย์ 3 มิติ เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับตำแหน่งและความสัมพันธ์ของฟันคุดกับเส้นประสาทและโครงสร้างสำคัญอื่น ๆ
  • การประเมินโดยทันตแพทย์ – ทันตแพทย์จะนำข้อมูลที่ได้จากการตรวจช่องปากและการเอกซเรย์มาประเมินร่วมกัน เพื่อวินิจฉัยว่ามีฟันคุดหรือไม่ ฟันคุดนั้นส่งผลกระทบต่อช่องปากอย่างไร และควรทำการรักษาหรือไม่ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อาการของผู้ป่วย ตำแหน่งของฟันคุด ความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาในอนาคต

วิธีป้องกันฟันคุด

โดยทั่วไปแล้ว ไม่สามารถป้องกันการเกิดฟันคุดได้โดยตรง เนื่องจากเป็นผลมาจากขนาดของขากรรไกรที่ไม่สัมพันธ์กับขนาดของฟัน อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีและการตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำสามารถช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาที่เกี่ยวข้องกับฟันคุดได้

  • การตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ – การไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ช่วยให้ทันตแพทย์สามารถตรวจพบฟันคุดได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะเกิดปัญหา หากพบว่ามีแนวโน้มที่ฟันคุดจะก่อให้เกิดปัญหาในอนาคต ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ถอนฟันคุดออกก่อน
  • การดูแลสุขภาพช่องปากที่ดี – การแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน และการใช้น้ำยาบ้วนปาก สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดฟันผุและเหงือกอักเสบ ซึ่งอาจทำให้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับฟันคุดรุนแรงขึ้นได้
  • การรับประทานอาหารที่เหมาะสม – การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง สามารถช่วยลดความเสี่ยงของฟันผุและปัญหาในช่องปากอื่น ๆ ได้

วิธีการรักษาฟันคุด

เมื่อฟันคุดก่อให้เกิดปัญหา เช่น อาการปวด การอักเสบ หรือส่งผลกระทบต่อฟันซี่อื่น ๆ ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ทำการรักษา ซึ่งวิธีการหลักในการรักษาฟันคุดคือ การถอนฟันคุด

  • การถอนฟันคุด – เป็นกระบวนการทางทันตกรรมที่ทันตแพทย์จะทำการนำฟันคุดที่ขึ้นไม่เต็มซี่ หรือ ขึ้นในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมออกไป เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การถอนฟันคุดสามารถทำได้ทั้งการถอนแบบธรรมดาและการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับลักษณะและการฝังตัวของฟันคุด
  • ขั้นตอนการผ่าฟันคุด – การผ่าฟันคุดมักจะถูกเลือกใช้ในกรณีที่ฟันคุดฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร หรือ ขึ้นในลักษณะที่ซับซ้อน ซึ่งขั้นตอนโดยทั่วไปของการผ่าฟันคุดมีดังนี้
    • การเตรียมตัว – ทันตแพทย์จะทำการตรวจช่องปาก ถ่ายภาพรังสี X-Ray เพื่อประเมินตำแหน่งและลักษณะของฟันคุด รวมถึงวางแผนการรักษาอย่างละเอียด ผู้ป่วยอาจต้องแจ้งประวัติทางการแพทย์และยาที่ใช้อยู่ให้ทันตแพทย์ทราบ
    • การให้ยาชา – ทันตแพทย์จะให้ยาชาเฉพาะที่บริเวณที่จะทำการผ่าตัด เพื่อให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บปวดขณะทำการผ่าตัด บางกรณีอาจมีการให้ยานอนหลับร่วมด้วย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความกังวลมาก
    • การเปิดเหงือก – ทันตแพทย์จะทำการเปิดเหงือกเพื่อเผยให้เห็นฟันคุดและกระดูกที่ปกคลุมอยู่
    • การกรอกระดูก – หากมีกระดูกปกคลุมฟันคุดอยู่ ทันตแพทย์อาจจำเป็นต้องกรอ กระดูกบางส่วนออกเพื่อให้สามารถเข้าถึงฟันคุดได้ง่ายขึ้น
    • การแบ่งฟัน – ในกรณีที่ฟันคุดมีขนาดใหญ่หรือมีรากฟันที่ซับซ้อน ทันตแพทย์อาจทำการแบ่งฟันออกเป็นส่วนเล็ก ๆเพื่อให้ง่ายต่อการนำออกมา
    • การนำฟันคุดออก – ทันตแพทย์จะค่อย ๆ เคลื่อนฟันคุดออกมาจากเบ้าฟันอย่างระมัดระวัง โดยใช้เครื่องมือทางทันตกรรมที่เหมาะสม
    • การเย็บปิดแผล – หลังจากนำฟันคุดออกแล้ว ทันตแพทย์จะทำความสะอาดบริเวณแผลและเย็บปิดแผลด้วยไหมเย็บ ซึ่งไหมเย็บนี้อาจเป็นไหมที่ละลามได้เอง หรือต้องกลับมาให้ทันตแพทย์ตัดออกภายหลัง
    • การทำความสะอาดและให้คำแนะนำ – ทันตแพทย์จะทำความสะอาดช่องปากและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังการผ่าตัด
  • การดูแลหลังการผ่าฟันคุด – การดูแลตนเองอย่างเหมาะสมหลังการผ่าฟันคุดเป็นสิ่งสำคัญอย่างบิ่ง เพื่อช่วยลดอาการปวด บวมและป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งคำแนะนำโดยทั่วไปมีดังนี้
    • กัดผ้าก๊อซ – กัดผ้าก๊อซที่ทันตแพทย์วางไว้ในปากให้แน่น ประมาณ 1-2 ชั่วโมงเพื่อช่วยห้ามเลือด
    • ประคบเย็น – ประคบเย็นบริเวณแก้มภายนอกในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการผ่าตัด เพื่อลดอาการบวม
    • รับประทานอาหารอ่อน – รับประทานอาหารอ่อน ๆ ที่ไม่ต้องเคี้ยวมาก เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หรือซุป ในช่วง 2-3 วันแรก
    • หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง ร้อน หรือ เผ็ด –อาหารเหล่านี้อาจทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณแผล
    • แปรงฟันอย่างระมัดระวัง – แปรงฟันตามปกติ แต่หลีกเลี่ยงบริเวณแผลผ่าตัด
    • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ – สิ่งเหล่านี้อาจทำให้แผลหายช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
    • พักผ่อนให้เพียงพอ – การพักผ่อนจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
    • รับประทานยาตามที่ทันตแพย์สั่ง – หากทันตแพทย์สั่งยาแก้ปวดหรือยาปฏิชีวนะ ควรรับประทานตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
    • ไปพบทันตแพทย์ตามนัด – เพื่อติดตามผลการรักษาและตัดไหม
  • การใช้ยาและการบรรเทาอาการ – หลังการผ่าฟันคุด ผู้ป่วยอาจมีอาการปวด บวม รู้สึกไม่สบายตัว ทันตแพทย์อาจสั่งยาเพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้ เช่น
    • ยาแก้ปวด –  ยาพาราเซตามอล หรือ ไอบูโพรเฟน เพื่อลดอาการปวด
    • ยาปฏิชีวนะ – บางกรณี ทันตแพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
    • น้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อ – เพื่อช่วยลดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก

นอกจากยาที่ทันตแพทย์สั่ง ผู้ป่วยสามารถบรรเทาอาการได้ด้วยตนเอง เช่น การประคบเย็น การทานอาหารอ่อน และ การพักผ่อนให้เพียงพอ หากอาการปวดหรือบวมไม่ดีขึ้น หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรรีบติดต่อทันตแพทย์

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

แม้ว่าการผ่าฟันคุดจะเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่อาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้บ้าง ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยมีดังนี้

  • การติดเชื้อ – เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยที่สุด โดยอาจเกิดจากการดูแลแผลที่ไม่ดีพอ หรือ มีเชื้อแบคทีเรียในช่องปากมากเกินไป อาการของการติดเชื้อ ได้แก่ อาการปวด บวม แดง ร้อนบริเวณแผลมีหนอง มีไข้ หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์
  • ความเสียหายต่อเส้นประสาท – บางกรณี โดยเฉพาะเมื่อฟันคุดอยู่ใกล้กับเส้นประสาทที่ควบคุมความรู้สึกของริมฝีปาก ลิ้น หรือคาง อาจเกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการชา หรือ รู้สึกซ่าบริเวณดังกล่าว อาการนี้ส่วนใหญ่มักจะหายได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์หรือเดือน แต่บางกรณีอาจเป็นถาวร
  • ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
    • เลือดออกมากผิดปกติ — โดยปกติจะมีเลือดออกจากแผลเล็กน้อยหลังการผ่าตัด แต่หากมีเลือดออกมากผิดปกติ ควรรีบแจ้งทันตแพทย์
    • อาการบวมและฟกช้ำ – เป็นอาการปกติหลังการผ่าตัด และจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์
    • ข้อจำกัดในการเปิดปาก – อาจมีอาการขากรรไกรแข็ง ทำให้เปิดปากได้ยากในช่วงแรกหลังการผ่าตัด
    • ไซนัสอักเสบ – ในกรณีที่ฟันคุดบนอยู่ใกล้กับไซนัส อาจทำให้เกิดไซนัสอักเสบได้
    • เบ้าฟันแห้ง – เป็นภาวะที่ลิ่มเลือดที่ก่อตัวในเบ้าฟันหลังการถอนฟันหลุดออกไป ทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง

ค่าใช้จ่ายและการประกัน

  • ค่าใช้จ่ายโดยประมาณของการรักษาฟันคุด – ค่าใช้จ่ายในการรักษาฟันคุดจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น
    • ความซับซ้อนของฟันคุด – ฟันคุดที่ฝังลึก หรือ ขึ้นในลักษณะที่ซับซ้อน จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าฟันคุดที่ขึ้นง่าย
    • วิธีการรักษา – การถอนฟันคุดแบบธรรมดาจะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการผ่าฟันคุด
    • สถานพยาบาล – โรงพยาบาลเอกชนมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าคลินิกทันตกรรม หรือ โรงพยาบาลรัฐบาล
    • ค่าบริการของทันตแพทย์ – ทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง หรือ มีประสบการณ์มาก อาจมีค่าบริการที่สูงกว่า
    • ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม – ค่าเอกซเรย์ ค่าเวชภัณฑ์ และค่ายา
    • ค่าใช้จ่ายในการถอนฟันคุดแบบธรรมดา อาจเริ่มต้นที่ประมาณ 1,000-3,000 บาทต่อซี่ ในขณะที่ การผ่าฟันคุด อาจมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 3,000-10,000 บาทต่อซี่ หรือ มากกว่านั้นขึ้นอยู่กับความซับซ้อน
  • การใช้สิทธิประกันสุขภาพ – การใช้สิทธิประกันสุขภาพในการรักษาฟันคุดขึ้นอยู่กับประเภทของประกันสุขภาพที่คุณมี
    • ประกันสังคม – ผู้ที่มีสิทธิประกันสังคมสามารถเบิกคำถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และผ่าฟันคุดได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยปกติจะสามารถเบิกได้ในวงเงินจำกัดต่อปี และอาจต้องสำรองจ่ายก่อนแล้วนำใบเสร็จไปเบิกภายหลัง ควรตรวจสอบสิทธิและเงื่อนไขกับสำนักงานประกันสังคมโดยตรง
    • ประกันสุขภาพเอกชน – การเคลมค่ารักษาฟันคุดกับประกันสุขภาพเอกชนจะขึ้นอยู่กับแผนประกันที่คุณซื้อไว้ บางแผนอาจครอบคลุมค่าถอนฟันคุดหรือผ่าฟันคุดทั้งหมดหรือบางส่วน ควรตรวจสอบรายละเอียดความคุ้มครองของแผนประกันของคุณอย่างละเอียด
    • สิทธิข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ –  ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ รวมถึงการรักษาฟันคุด แต่เงื่อนไขและวงเงินที่เบิกได้อาจแตกต่างกันไป ควรตรวจสอบสิทธิกับหน่วยงานต้นสังกัด

คำถามที่พบบ่อย (FAQ):

  • ฟันคุดต้องผ่าทุกคนหรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องผ่าฟันคุดทุกคน การตัดสินใจผ่าฟันคุดขึ้นอยู่กับลักษณะของฟันคุดและผลกระทบต่อสุขภาพช่องปากของแต่ละบุคคล ทันตแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำว่าควรผ่าหรือไม่

  • ผ่าฟันคุดเจ็บไหม?

ระหว่างผ่าฟันคุดจะไม่รู้สึกเจ็บ เนื่องจากทันตแพทย์จะให้ยาชาเฉพาะที่หรือยานอนหลับ เพื่อให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและไม่เจ็บปวด อย่างไรก็ตาม หลังผ่าตัดอาจมีอาการปวด บวม หรือ ตึงบริเวณแผล ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดและประคบเย็น

  • ใช้เวลานานแค่ไหนในการผ่าฟันคุด?

ระยะเวลาในการผ่าฟันคุดขึ้นอยู่กับความยากง่ายของฟันคุด โดยทั่วไปจะใช้เวลา ประมาณ 20-45 นาที แต่ในบางกรณีที่ฟันคุดซับซ้อน อาจใช้เวลานานถึง 1-2 ชั่วโมงง

  • หลังผ่าฟันคุดต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
    • กัดผ้าก๊อซแน่น ๆ เพื่อห้ามเลือดประมาณ 1-2 ชั่วโมง
    • ประคบเย็น บริเวณแก้มด้านที่ผ่าฟันคุด เพื่อลดอาการบวม
    • ทานยาตามที่ทันตแพทย์สั่ง
    • ทานอาหารอ่อน ๆ และหลีกเลี่ยงอาหารแข็ง ร้อน หรือ เผ็ด
    • บ้วนปากเบา ๆ ด้วยน้ำเกลือหลัง 24 ชั่วโมง
    • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์
    • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • สามารถทานอาหารอะไรได้บ้างหลังผ่าฟันคุด?
    • อาหารเหลว – โจ๊ก ซุป น้ำผลไม้
    • อาหารอ่อน ๆ  – ข้าวต้ม ปลา ไข่ตุ๋น
    • อาหารที่ไม่ต้องเคี้ยวมาก – โยเกิร์ต ไอศกรีม
  • มีวิธีบรรเทาอาการปวดหลังผ่าฟันคุดอย่างไร?
    • ทานยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง
    • ประคบเย็นบริเวณแก้ม
    • บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ
  • ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าฟันคุดมีอะไรบ้าง?
    • เลือดออกมาก
    • อาการปวดและบวม
    • การติดเชื้อ
    • ขากรรไกรค้าง
    • ความเสียหายต่อเส้นประสาท ทำให้ชาบริเวณริมฝีปาก ลิ้น หรือ คาง
  • ค่าใช้จ่ายในการผ่าฟันคุดประมาณเท่าไหร่?

ค่าใช้จ่ายในการผ่าฟันคุดขึ้นอยู่กับความยากง่าย โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 2,500-6,000 บาทต่อซี่

  • สามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพในการผ่าฟันคุดได้หรือไม่?

สามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพในการผ่าฟันคุดได้ โดยวงเงินและเงื่อนไขความคุ้มครองจะแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัทประกัน ควรตรวจสอบรายละเอียดกับบริษัทประกันของคุณ

  • หากไม่ผ่าฟันคุดจะมีผลเสียอย่างไร?

ฟันผุ เหงือกอักเสบ ปวดฟัน ฟันข้างเคียงเสียหาย เกิดถุงน้ำหรือเนื้องอก ฟันซ้อนเก รวมถึงมีผลต่อการจัดฟัน

Share This:
Share:
โปรทำฟัน
โปรจัดฟัน
เลือกสาขา